iBet uBet web content aggregator. Adding the entire web to your favor.
iBet uBet web content aggregator. Adding the entire web to your favor.



Link to original content: https://th.wikipedia.org/wiki/โบอิง_737_คลาสสิก
โบอิง 737 คลาสสิก - วิกิพีเดีย ข้ามไปเนื้อหา

โบอิง 737 คลาสสิก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โบอิง 737 คลาสสิก
737-300/-400/-500
โบอิง 737-300 ของฟิชเชอร์แอร์
ข้อมูลทั่วไป
บทบาทอากาศยานไอพ่นลำตัวแคบ
ชาติกำเนิดสหรัฐ
บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์โบอิง
สถานะในประจำการ
ผู้ใช้งานหลักอูย์เตร์
เจ็ตทูดอตคอม
เซาท์เวสต์แอร์ไลน์ (ในอดีต)
ยูเอสแอร์เวย์ (ในอดีต)
จำนวนที่ผลิต1,988 ลำ[1]
ประวัติ
สร้างเมื่อค.ศ. 1981–2000[1]
เที่ยวบินแรก24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1984
ให้บริการ28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1984 กับยูเอสแอร์
พัฒนาจากโบอิง 737 ออริจินัล
พัฒนาเป็นโบอิง 737 เน็กซต์เจเนอเรชัน

โบอิง 737 คลาสสิก (อังกฤษ: Boeing 737 Classic) เป็นรุ่นของอากาศยานที่ออกแบบโดยโบอิง ซึ่งเป็นการนำเครื่องบินโบอิง 737 ออริจินัลรุ่นก่อนหน้ามาพัฒนาต่อ โครงการเริ่มต้นขึ้นในปี 1979 โดยรุ่นแรก 737-300 เริ่มทำการบินครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1984 และเข้าประจำการในเดือนธันวาคม รุ่น 737-400 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใหญ่กว่า ทำการบินครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1988 และเข้าประจำการในปีเดียวกัน รุ่น 737-500 ที่เล็กที่สุดทำการบินครั้งแรกในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1989 และเข้าประจำการในปี 1990

เมื่อเทียบกับรุ่นดั้งเดิมแล้ว รุ่นคลาสสิกได้รับการปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่ด้วยเครื่องยนต์ ซีเอฟเอ็ม56 ซึ่งเป็นชนิดเทอร์โบแฟนบายพาสสูง ซึ่งจะอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้รุ่นคลาสสิกยังพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์การบินใหม่ น้ำหนักขึ้นบินสูงสุดที่เพิ่มขึ้นเป็น 133,500–150,000 ปอนด์ (60.6–68.0 ตัน) และพิสัยการบินที่ 2,060 ถึง 2,375 ไมล์ทะเล [nmi] (3,815 ถึง 4,398 กิโลเมตร; 2,371 ถึง 2,733 ไมล์)

รุ่น -500 มีขนาดใกล้เคียงกับรุ่น -200 ดั้งเดิมที่ความยาว102 ฟุต (31 เมตร) และสามารถจุผู้โดยสารได้ 110-132 ที่นั่ง รุ่น -300 ที่ยาว 110 ฟุต (34 เมตร) สามารถจุผู้โดยสารได้ 126-149 ที่นั่ง ในขณะที่รุ่น -400 ที่มีความยาว 120 ฟุต (37 เมตร) สามารถจุผู้โดยสารได้ 147-168 ที่นั่ง

เครื่องบินรุ่นนี้แข่งขันกับแมคดอนเนลล์ดักลาส เอ็มดี-80 และต่อมากับแอร์บัส เอ320 ซึ่งส่งผลให้โบอิงต้องพัฒนารุ่น 737 เน็กซต์เจเนอเรชันเพื่อแข่งขันในตลาดอากาศยาน พร้อมกันนั้นได้กำหนดรุ่น -300/400/500 เป็น 737 คลาสสิก โบอิงมีการส่งมอบเครื่องบินรุ่นคลาสสิกทั้งหมด 1,988 ลำตั้งแต่ปี 1984 จนกระทั่งสิ้นสุดการผลิตในปี 2000 โดยเป็นรุ่น -300 จำนวน 1,113 ลำ รุ่น -400 จำนวน 486 ลำ และรุ่น -500 จำนวน 389 ลำ

รุ่น

[แก้]

737-300

[แก้]
โบอิง 737-300 ของยูเอสแอร์

โบอิง 737-300 เริ่มพัฒนาเริ่มขึ้นในปี 1979 โดยเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ครั้งแรกของโบอิง 737[2] โบอิงต้องการเพิ่มขีดความสามารถและพิสัยการบิน โดยผสมผสานการปรับปรุงเพื่อยกระดับเครื่องบินให้เป็นข้อมูลจำเพาะที่ทันสมัย ในขณะเดียวกันก็รักษาลักษณะทั่วไปของเครื่องบินรุ่น 737 รุ่นก่อนๆ ไว้

มาร์ค เกรกัวร์ วิศวกรของโบอิงนำทีมออกแบบ ซึ่งร่วมมือกับซีเอฟเอ็ม อินเตอร์แนชนัลในการเลือก ปรับเปลี่ยน และติดตั้งเครื่องยนต์และห้องโดยสารใหม่ ซึ่งจะทำให้ 737-300 เป็นเครื่องบินที่ใช้งานได้ โดยพวกเขาเลือกใช้เครื่องยนต์เทอร์โบแฟน ซีเอฟเอ็ม56-3บี-1 ในการขับเคลื่อนเครื่องบิน ซึ่งช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและลดเสียงรบกวนได้อย่างมาก แต่ใบพัดเครื่องยนต์ใหม่นี้ มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะติดตั้งที่ตำแหน่งเดิมบนโครงสร้างปีกของ 737 ออริจินัลได้ จึงต้องมีการเปลี่ยนกรอบเครื่องยนต์ และเลื่อนเครื่องยนต์ขึ้นไปให้สูงกว่าเดิมเล็กน้อย

รุ่น -300 มีความจุผู้โดยสาร 149 ที่นั่ง โดยมีการขยายลำตัวรอบปีก 9 ฟุต 5 นิ้ว (2.87 ม.) โครงสร้างปีกมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเพื่อปรับปรุงทางด้านอากาศพลศาสตร์ เช่นการติดตั้งปลายปีกที่ขยายออก 9 นิ้ว (23 ซม.) และปีกกว้าง 1 ฟุต 9 นิ้ว (53 ซม.) นอกจากนี้แล้ว ส่วนท้ายของเครื่องบินได้รับการออกแบบใหม่ ห้องนักบินได้รับการปรับปรุงด้วยอุปกรณ์เสริม EFIS (ระบบเครื่องมือวัดการบินอิเล็กทรอนิกส์) และห้องโดยสารรวมการปรับปรุงที่คล้ายกับที่พัฒนาบนโบอิง 757[2] เครื่องต้นแบบ -300 ซึ่งเป็นเครื่อง 737 ลำที่ 1,001 ที่สร้างขึ้น บินครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1984[3] โบอิง 737-300เอสพี (ประสิทธิภาพพิเศษ) มีการดัดแปลงด้วยปีกของเอวิเอชันพาร์ทเนอร์ รุ่น -300 ถูกแทนที่ด้วย 737-700 ของรุ่นเน็กซต์เจนเนเรชั่น

737-400

[แก้]
โบอิง 737-400 ของนกแอร์

รุ่น 400 เปิดตัวในปี 1985 ในช่วงแรกออกแบบมาเพื่อสายการบินแบบเช่าเหมาลำ สายการบิน เพียดมอตแอร์ไลน์ เป็นสายการบินแรกที่สั่งซื้อเครื่องรุ่น 400 พร้อมกันถึง 25 ลำ และออกให้บริการครั้งแรกในปี 1988 และเครื่องบินรุ่น 400 ลำสุดท้ายถูกส่งมอบให้แก่เช็กแอร์ไลน์ ในปี 2000

ในบางสายการบิน เช่น อะแลสกาแอร์ไลน์ มีการนำเครื่องรุ่น 400 ไปดัดแปลง โดยนำที่นั่งผู้โดยสารออกส่วนหนึ่ง แล้วทำเป็นที่บรรทุกสินค้าขนาด 10 พาเลต ทำให้แต่ละเที่ยวบิน สามารถบรรทุกสินค้าและรับส่งผู้โดยสารได้พร้อมกัน (Combi Aircraft)

737-500

[แก้]
โบอิง 737-500 ของอูย์เตร์

เครื่องรุ่น 500 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1987 โดยสายการบิน เซาท์เวสต์แอร์ไลน์[4] และออกให้บริการครั้งแรกในปี 1990 รุ่น 500 ออกแบบมาเพื่อทดแทนรุ่น 200 โดยตรง มีประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันกว่ารุ่น 200 เครื่องรุ่น 500 ลำสุดท้ายถูกส่งมอบให้สายการบิน ออล นิปปอน แอร์เวย์ ในปี 1999

รุ่น 500 เป็นที่นิยมในวงการสายการบินรัสเซีย สายการบินสัญชาติรัสเซียจำนวนมากรับซื้อเครื่องรุ่น 500 มือสอง เพื่อนำไปทดแทนเครื่องบินที่ผลิตในประเทศ หรือบ้างก็เพื่อทดแทนเครื่องรุ่น 200 ที่มีอยู่เดิม

ผู้ให้บริการ

[แก้]

ทางพาณิชย์

[แก้]

ณ เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2019 มีเครื่องบินโบอิง 737 คลาสสิกให้บริการเชิงพาณิชย์ 692 ลำ ซึ่งรวมถึงรุ่น -300 จำนวน 297 ลำ รุ่น -400 จำนวน 261 ลำ และรุ่น -500 จำนวน 134 ลำ[5]

ทางการทหาร

[แก้]

หลายประเทศนำเครื่องบินรุ่น 737 สำหรับผู้โดยสารและสินค้าไปใช้งานในหน่วยงานของรัฐหรือกองทัพ เช่น บราซิล ชิลี จีน โคลอมเบีย อินเดีย อินโดนีเซีย คูเวต เม็กซิโก ไนเจอร์ เปรู เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเวเนซุเอลา[ต้องการอ้างอิง]

การส่งมอบ

[แก้]
การส่งมอบโบอิง 737 คลาสสิก[6]
รุ่น รวม 2000 1999 1998 1997 1996 1995 1994 1993 1992 1991 1990 1989 1988 1987 1986 1985 1984
737-300 1,113 29 52 65 37 52 54 54 57 69 67 89 141 137 120 83 7
737-400 486 2 9 33 33 21 13 32 68 82 56 63 57 17 15
737-500 389 4 31 34 18 24 35 30 79 90 44
รวม 1,988 2 42 116 132 76 89 121 152 218 215 174 146 158 152 120 83 7

ข้อมูลจำเพาะ

[แก้]
  1. การออกแบบน้ำหนัก 'เชื้อเพลิงเป็นศูนย์' สูงสุดโดยหักน้ำหนักเปล่าขณะใช้งานออก
  2. MTOW, SL, 86 °F (30 °C)
  3. ที่ความจุ 126 ที่นั่ง
  4. ที่ความจุ 147 ที่นั่ง
  5. ที่ความจุ 110 ทีนั่ง

เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน

[แก้]

รุ่นที่ใกล้เคียงกัน

[แก้]

เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Endres, Günter (2001). The Illustrated Directory of Modern Commercial Aircraft. Osceola, Wisconsin: MBI Publishing Company. pp. 126, 128–19. ISBN 0-7603-1125-0.
  2. 2.0 2.1 Sharpe, Mike (2001). Boeing 737-100 and 200. Robbie Shaw. Osceola, WI: MBI Pub. Co. ISBN 0-7603-0991-4. OCLC 45583463.
  3. Shaw 1999, p. 10
  4. https://en.wikipedia.org/wiki/Boeing_737#CITEREFShaw1999
  5. Thisdell and Seymour Flight International July 30 –August 5, 2019, p. 36-38.
  6. "737 Model Summary". Active.boeing.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 21, 2018. สืบค้นเมื่อ January 23, 2019.
  7. "737-300/-400/-500" (PDF). startup. Boeing. 2007.
  8. 8.0 8.1 Jenkinson, Lloyd; Simpkin, Paul; Rhodes, Darren (2001). "Civil jet aircraft design". Elsevier, Butterworth-Heinemann. Table 2 : Boeing Aircraft.
  9. 9.0 9.1 "Type Certificate data sheet No. A16WE" (PDF). FAA. June 3, 2016. pp. 9, 12, 14, 16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ November 13, 2016. สืบค้นเมื่อ December 10, 2016.