เซียร์เกย์ บอนดาร์ชุค
เซียร์เกย์ บอนดาร์ชุค | |
---|---|
Сергей Бондарчук | |
บอนดาร์ชุคในปี 1969 | |
เกิด | 25 กันยายน ค.ศ. 1920 เบโลเซียร์คา ยูเครน สหภาพโซเวียต |
เสียชีวิต | 20 ตุลาคม ค.ศ. 1994 มอสโก ประเทศรัสเซีย | (74 ปี)
พลเมือง | สหภาพโซเวียต, รัสเซีย |
ศิษย์เก่า | วิทยาลัยศิลปะรอสตอฟ |
อาชีพ |
|
ปีปฏิบัติงาน | 1948–1994 |
ผลงานเด่น | วอยนาอีมีร์ (1965-67) วอเตอร์ลู (1970) |
ตำแหน่ง |
|
บุตร | 3 คน |
เซียร์เกย์ ฟิโอดอร์โรวิช บอนดาร์ชุค (รัสเซีย: Сергей Фёдорович Бондарчук) เป็นนักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ชาวรัสเซีย เขาถือเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของรัสเซีย มีชื่อเสียงจากการสร้างภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามใหญ่เกี่ยวกับรัสเซีย
ประวัติ
[แก้]บอนดาร์ชุคเกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน 1920 ในหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในประเทศโซเวียตยูเครน ส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดเคียร์ซอน ประเทศยูเครน) แต่ครอบครัวของเขาย้ายไปอาศัยอยู่ในประเทศโซเวียตรัสเซียตั้งแต่เขายังเด็ก เขาเริ่มสนใจการแสดงตั้งแต่วัยเยาว์และเข้าศึกษาด้านการแสดงที่โรงเรียนศิลปะการละครรอสตอฟ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางในวงการบันเทิงของเขา หลังจากสำเร็จการศึกษา บอนดาร์ชุกเริ่มทำงานในฐานะนักแสดงที่หอศิลปะนาฎกรรมแห่งมอสโก ต่อมาได้เป็นนักแสดงในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Young Guard (1948) ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงการ แต่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่จดจำของบอนดาร์ชุกคือบทบาทของเขาในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหภาพโซเวียต
ผลงานที่เป็นที่จดจำและสร้างชื่อเสียงให้กับบอนดาร์ชุกคือ วอยนาอีมีร์ (1966-1967) ซึ่งดัดแปลงจากวรรณกรรมคลาสสิกของเลโอ ตอลสตอย เขาเป็นทั้งผู้กำกับและนักแสดงตัวเอกของเรื่อง วอยนาอีมีร์ได้รับการยกย่องไม่เพียงแค่ในด้านการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง แต่ยังรวมถึงการถ่ายทำที่ยิ่งใหญ่และการใส่ใจในรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ จนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมในปี 1969 และรางวัลลูกโลกทองคำ หลังจากความสำเร็จของ วอยนาอีมีร์ บอนดาร์ชุกยังคงสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ที่มีคุณค่าและมีความหมายทางประวัติศาสตร์ต่อมา ผลงานที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งคือ วอเตอร์ลู ซึ่งเล่าถึงยุทธการที่วอเตอร์ลู
ในช่วงปัจฉิมวัย บอนดาร์ชุกป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้ โครงการภาพยนตร์ใหม่ของเขาก็ประสบปัญหาการหาเงินทุน เกิดเป็นความเครียดที่เร่งให้สุขภาพย่ำแย่ลง แต่เขายังคงไม่หยุดสร้างภาพยนตร์และผลงานศิลปะ เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1994 ทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ให้กับวงการภาพยนตร์ของโลก เขาเป็นที่ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีอิทธิพลต่อวงการภาพยนตร์รัสเซียและโลกตะวันตก ด้วยความสามารถในการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้งและการสร้างฉากที่มีความยิ่งใหญ่ เขาสามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณและความงดงามของวรรณกรรมรัสเซียผ่านเลนส์ภาพยนตร์ได้อย่างน่าทึ่งและกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้กำกับรุ่นหลัง
บอนดาร์ชุกเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1994 ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย สิริอายุ 74 ปี
ผลงานสำคัญ
[แก้]Destiny of a Man (1959)
[แก้]ผลงานเรื่องแรกของบอนดาร์ชุกในฐานะผู้กำกับ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ดัดแปลงจากเรื่องสั้นของมีฮาอิล โชโลฮอฟ และถือเป็นภาพยนตร์ที่เปิดตัวอย่างน่าประทับใจ บอกเล่าเรื่องราวของชายผู้เผชิญกับความทุกข์ทรมานในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ผ่านการเสียครอบครัวและถูกจับเป็นเชลยศึก นี่คือผลงานที่สะท้อนถึงความกล้าหาญและการต่อสู้ของมนุษย์
War and Peace (1966-1967)
[แก้]War and Peace หรือชื่อในภาษารัสเซียคือ วอยนาอีมีร์ คือผลงานชิ้นเอกที่ทำให้บอนดาร์ชุกได้รับการยกย่องในระดับสากล วอยนาอีมีร์คือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนวนิยายคลาสสิกของ เลโอ ตอลสตอย (Leo Tolstoy) ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำนานถึงเจ็ดปีและถือเป็นโครงการภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของสหภาพโซเวียต ซึ่งใช้งบประมาณที่สูงมากและการมีนักแสดงรวมกว่าหมื่นคน สร้างบรรยากาศสมจริงของสงครามนโปเลียน ผลงานนี้ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมในปี 1969 และรางวัลลูกโลกทองคำ นับเป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์รัสเซีย
Waterloo (1970)
[แก้]หลังจากความสำเร็จของ War and Peace บอนดาร์ชุกกลับมาพร้อมกับภาพยนตร์มหากาพย์อีกเรื่อง ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างสหภาพโซเวียตและอิตาลี ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของยุทธการที่วอเตอร์ลูได้อย่างเข้มข้นและสมจริงที่สุด นำแสดงโดยร็อด ชไตเกอร์ ในบทนโปเลียน โบนาปาร์ต และคริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ ในบทดยุกแห่งเวลลิงตัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้การถ่ายทำที่ยิ่งใหญ่และสมจริง โดยใช้ทหารจากกองทัพโซเวียตกว่า 15,000 นายเป็นนักแสดงประกอบเพื่อจำลองฉากสงครามอย่างสมบูรณ์แบบ